Thursday, June 27, 2013

That's how I know

เมื่อก่อน เวลาเจอใครๆ ที่ทำอะไรน่าทึ่ง
มีชีวิตและการงานที่น่าทึ่ง
เราจะหันกลับมาเศร้ากับตัวเอง
อยากทำงานอย่างเขา อยากมีชีวิตอย่างเขา
อยากได้อยากมีอย่างที่เขาได้เขามี
ความสำเร็จและการได้ดีของเพื่อน
จะไม่ทำให้เรายินดีไปกับเขาได้อย่างเต็มจิตเต็มใจ
เพราะส่วนหนึ่งเรามัวแต่อิจฉา
และอดคิดไม่ได้ว่าเรามันช่างต่ำต้อยด้อยค่า

วันนี้นั่งคุยกับเพื่อน เพื่อนเล่าเรื่องงานให้ฟัง
ชีวิตดีมาก งานดีมาก เงินดีมาก
แล้วทันใดนั้นผมก็ตระหนักว่า
ผมรักงานนี้ รักอาชีพนี้ และรักชีวิตของตัวเองตอนนี้มากแค่ไหน
เพราะความรู้สึกที่เคยมีเคยเป็น
นั่นคือเอาชีวิตคนอื่นมาเทียบ
แล้วรู้สึกสงสารตัวเองนั้น มันไม่เกิดขึ้นเลย
นึกย้อนไป ใช่ มันไม่เกิดขึ้นมานานแล้ว
และนี่เองที่ทำให้ผมรู้ว่า
สิ่งที่ผมทำอยู่ มันใช่แค่ไหน

เหมือนแฟน เมื่อก่อนเห็นคนอื่นมีแฟนดีๆ
เราก็อยากได้อยากมีอย่างเขา
แต่เป็นเวลาจะห้าปีแล้วที่ไม่เคยเกิดความรู้สึกนี้เลย
นี่เองที่มันช่วยตอบเราว่า
เราเจอคนที่ใช่แล้วหรือยัง

เมื่อไหร่ที่ความรักของเราตั้งนิ่งอยู่บนความรู้สึกที่มั่นคง

ไม่แกว่งไกวไปมา 
มันโคตรสงบสุขเลย



((By the way, 

on an unrelated subject,
คนเราเดี๋ยวนี้
โดนสิบ
เจ็บร้อย
แหกปากร้องพัน))

No comments:

Post a Comment