Friday, May 17, 2013

All of the sudden

หลังจากน้องชายโหลด How I Met Your Mother ให้ดู
จู่ๆ ก็เลิกซื้อดีวีดีผีสีลมไปเลย
หลังจากพบว่าแอพดูซีรีส์มีซีรีส์ให้ดูนับล้าน
จู่ๆ ความคลั่งซีรีส์ก็หดหายไปเลย
หลังจากรู้จักกับ UPPERCASE magazine
จู่ๆ ความคลั่งนิตยสารก็กลับมาอีกครั้ง
หลังจากงานยุ่งจนขี้เกียจออกกำลังกายได้สามเดือน
จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองกลับมาอ้วนอืดมากอีกครั้ง
หลังจากได้ภาษีคืนเป็นปีแรก
จู่ๆ ก็หันมาหมกมุ่นกับการเก็บตังค์และลงทุน
หลังจากอ่านหนังสือ เรื่องเล่าจากร่างกาย
จู่ๆ ก็เกิดอยากทำหนังสือที่ตลกน้อยลง แต่เน้นเนื้อมากขึ้น

หมู่นี้พักรบกับซีรีส์ชั่วคราวก่อน (ยกเว้น HIMYM)
และตะลุยอ่านหนังสือและนิตยสารอย่างบ้าคลั่ง

Saturday, May 11, 2013

Long-lost love


ไม่อยากจะเชื่อว่า แค่การได้ไปเยือนร้าน The Booksmith
ที่เชียงใหม่เมื่อต้นเดือน แค่ครั้งเดียว
จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้
ความรักในแมกกาซีนของเราที่เคยสรุปไปแล้วในบทนึงของชีวิต
ว่าอาชีพทำนิตยสารมันคงเป็นเพียงภาพลวงตา
ตอนนี้มันกลับมาโชติช่วงใหม่ในหัว ในตัว และในใจ
อย่างร้อนแรงและสว่างแสงมาก
ทั้งหมดนี้เกิดจากนิตยสารเล่มเดียว นั่นคือ UPPERCASE




















ทำไมไม่รู้ พอได้หยิบจับ ได้ลูบไล้ ได้ดมดู
ความรักเก่าๆ ก็กลับคืนมาหมด
แพชชั่นในนิตยสารที่นึกว่าทำหายไปหมดแล้ว ก็กลับมาเติมเต็ม
เหมือนร็อกแมนวิ่งไปชนถัง E สิบถังรัวๆ
และคราวนี้ทำให้ถึงกับกลับมาวางแผน
คิดการใหญ่ให้มันเดย์
และ/หรือ อื่นๆ ต่างๆ อีกมากมายใหญ่โต

วันนี้ เราจำได้หมดเลยว่า เราเคยคลั่งการอ่านแมกกาซีนมากแค่ไหน
และเราเคยอ่านแมกกาซีนเยอะแค่ไหนในแต่ละเดือน
มันเป็นเพื่อนกับเรามายาวนานมาก

วันนี้ เรากลับมากว้านซื้อนิตยสารอ่านอีกครั้ง ทั้งไทยและเทศ
เรานั่งคุยกับเบนเส กับพี่ตุ๊ก กับโอ
เราอยากปั้นมันเดย์ในฐานะนิตยสารกระดาษ
เรามีภาพที่ค่อนข้างชัดขึ้นเรื่อยๆ ในหัวแล้ว
แต่ในเรื่องการตลาดและการขาย
เราต้องการโมเดลใหม่สำหรับสิ่งนี้

วันนี้ลองซื้อแมกกาซีนไทยที่เคยเห็นประจำบนแผง
แต่ไม่เคยตั้งใจอ่าน มาลองอ่านดู
พบว่า CG+ น่าผิดหวังมาก ทั้งเนื้อหาและอาร์ต
พบว่า playground น่ารัก แต่ไม่ใช่ทางเรา
พบว่า WAY ไม่ใช่ของอ่านเครียดอย่างที่เคยคิดว่ามันเป็นเลย
และนอกจากจะดี มันยังสนุกมาก
นั่งอ่านรวดเดียวเกือบหมดเล่ม
(บทสัมภาษณ์เกี่ยวกับเกาหลีเหนือสนุกมาก)

ตั้งแต่นี้จะตะลุยอ่านแมกกาซีนทุกวัน

ดีใจที่ทุกวันนี้ ยังมีความรู้สึกใหม่ๆ เกิดขึ้นกับตัวเอง
ยังมีไฟใหม่ๆ จุดสว่างขึ้นในใจตัวเองอยู่เรื่อยๆ

Saturday, May 04, 2013

Mr.Postman

ไปอ่านเจอมาจาก Reader's Digest ชอบ









Things Your Mail Carrier Won’t Tell You


หลายสิ่งที่คุณพนักงานไปรษณีย์จะไม่บอกคุณหรอก
(แต่ก็คือแอบอยากบอก เลยมาบอกตรงนี้แทน >_<)


+เวลาเอาจดหมายใส่ตู้ เขาจะเอาซองที่ดูเหมือนจะเป็น 'ข่าวดี' วางไว้ให้ข้างบนสุด เช่น จดหมาย การ์ดอวยพร แม้แต่ซองที่เหมือนจะมีเช็คเงินสด ส่วนพวกใบเรียกเก็บค่าน้ำ ค่าไฟ บัตรเครดิต ฯลฯ เขาจะเอาซุกไว้ให้ล่างสุด น่ารักอะ ดูใส่ใจในความรู้สึก เป็นผมผมก็อยากจะเห็นอะไรดีๆ ก่อนตอนเปิดตู้จดหมายออกมาเหมือนกันนะ
+เขาบอกว่า พวกเราส่วนใหญ่รักงานที่เราทำนะครับ คุณบุรุษไปรฯ คนหนึ่งบอกว่า ภรรยาผมคนนี้ ก็เป็นคนที่ผมเคยส่งจดหมายให้ที่บ้านเธอมาก่อน เพื่อนรักที่ผมสนิทที่สุด ก็เช่นกัน
+คนนึงบอกว่า ผมเคยเจอคนใส่จดหมายไว้ในตู้ แล้วแปะเหรียญไว้ 44 เซนต์ด้วยเทปใสไว้บนซอง แล้วยังไงครับ วันรุ่งขึ้น ผมก็ต้องไปเข้าแถวเหมือนชาวบ้าน เพื่อซื้อสแตมป์มาแปะจดหมายให้คุณอยู่ดี
+อีกคนเล่าว่า วันหนึ่ง ผมไปส่งจดหมายที่บ้านหลังหนึ่งให้กับผู้หญิงที่กำลังป่วยมาก ลูกสาวของเธอกล่าวกับผมว่า คุณอยากจะบอกลาแม่หน่อยไหมคะ ผมเข้าไปหาเธอ ซึ่งกำลังหลับ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมอยู่ที่นี่ ผมจับมือเธอไว้ และสวดภาวนาให้เธอและครอบครัวของเธอเงียบๆ... ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงให้หลัง ผมก็ไปส่งจดหมายให้อีกบ้านหนึ่ง ผู้ที่ออกมารับผมที่หน้าประตูเป็นคุณพ่อหมาดๆ ผู้หนึ่ง เขาเล่าด้วยท่าทีปลื้มปิติว่า ภรรยาเพิ่งคลอดลูกชาย... ทั้งหมดทำให้ผมเห็นภาพของชีวิตที่ชัดเจนเหลือเกิน หนึ่งชีวิตจากไป อีกหนึ่งชีวิตเกิดมา เป็นวัฎจักรเช่นนี้ ภายในวันเดียวกันนั่นเอง...


เคยคิดเหมือนกันว่า อาชีพที่น่าอิจฉาประเภทหนึ่งคือ
งานที่ได้เจอผู้คนหลากหลายไม่ซ้ำหน้า
แม้จะเพียงผ่านมา แล้วก็ผ่านไปก็ตามที
ไม่ว่าจะคนขับแท็กซี่ คนเก็บเงินทางด่วน
หรือแม้แต่พนักงานไปรษณีย์อย่างนี้ก็ตาม























(เก็บต้นฉบับไว้อ่านอ้างอิง)

Postal workers from around the country reveal the secrets of their profession and why mail is still the country's best bargain.

7. Paychecks, personal cards, letters—
anything that looks like good news—I put those on top. Utility and credit card bills? They go under everything else.

14. Most of us love our jobs and the people we serve. I met my wife and my best friend because I was their letter carrier.

19. I have people who leave a letter in their box and tape 44 cents in change to it. I’ll take it, but the next day I’ll be waiting in line like everyone else to buy you a stamp.

20. One day while delivering to a woman who had been very sick, her daughter met me by the mailbox and asked me if I wanted to say goodbye to her mom. She was unconscious and didn’t know that I was there, but I held her hand and said a silent prayer for her and her family. It wasn’t even an hour later when another customer met me at his door. He was a new father, overjoyed, telling me that his wife had just given birth to his son. The whole cycle of life, in just one day.

rd.com

Wednesday, May 01, 2013

Save the best for first


วันนี้ได้มากินซุชิที่สึนามิ ตรงสี่แยกภูคำ เชียงใหม่
เลยได้สังเกตตัวเองข้อนึง
นั่นคือเมื่อก่อน ผมก็จะเหมือนใครๆ ที่
'อะไรอร่อยที่สุด เก็บไว้กินทีหลัง'
ถ้าเป็นเย็นตาโฟก็ลูกชิ้นกุ้ง อะไรยังงี้
แต่หลังๆ รู้สึกว่า หลักการคิดแบบนี้
เหมือนจะดูดี เพราะจะได้จบมื้ออาหารด้วยความอร่อยที่สุด
แฮปปี้เอ็นดิ้งย่อมดีกว่าแฮ้ปปี้บีกินนิ่งเสมอ
(เคยเขียนถึงเรื่องนี้ไว้ใน abc จบสุข vol.1)
แต่พบว่า แม้เราจะเก็บของดีที่สุด อร่อยที่สุดไว้ท้ายสุด
มันก็อาจจะไม่ใช่การจบสุขได้เสมอไป
ระลึกขึ้นมาได้จากการกินอาหารญี่ปุ่นนี่แหละ
เพราะถ้าเป็นเรื่องการกินแล้ว
อีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อความอร่อย คือความหิว-อิ่ม

เมื่อเก็บซุชิแซลม่อนและมากุโระไว้กินท้ายสุด
พบว่ามันจะกลายเป็นอร่อยน้อยได้ เพราะเราเริ่มอิ่ม
บางทีกูอิ่มไปตั้งนานแล้วด้วยเหอะ
คิดได้ดังนั้น ปัจจุบันเปลี่ยนใหม่
คำแรกคือแซลมอนของโปรดที่สุดเลย
แล้วตามด้วยมากุโระ สิ่งโปรดอันดับสอง

ของที่อร่อยมาก
มันเลยอร่อยยิ่งกว่า
เพราะเรากำลังหิวที่สุด